เป็นองค์กรที่ฝึกอบรมและรับรอง Tea Master (ผู้เชี่ยวชาญเรื่องชา) ของจีน เน้นการฝึกอบรม การประกวดแข่งขัน การประเมินระดับฝีมือของ Tea Master รวมถึงการแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ศิลปะชาจีน ก่อตั้งขึ้นที่เมืองคุนหมิงในเดือนพฤษภาคม ปี 2010 โดยคุณอู๋ หย่วนจือ (Wu Yuanzhi)
คุณอู๋ หย่วนจือ บุคคลระดับผู้นำในอุตสาหกรรมชาจีน ประธานของต้าอี้กรุ๊ป ผู้อำนวยการสถาบัน ACCTM และประธานมูลนิธิต้าอี้ เคยได้รับ “รางวัลลู่อวี่ครั้งที่หนึ่ง สาขาสิบผู้สร้างคุณูปการโดดเด่นเรื่องชาในระดับสากล” กับ “รางวัลผู้สร้างคุณูปการโดดเด่น 20 ปีของโครงการ Project Hope” เขาไม่เพียงทุ่มเทแรงกายแรงใจสร้างความเจริญให้กับอุตสาหกรรมชาจีน สร้าง “ต้าอี้” แบรนด์ใบชาจีนชั้นนำ และนำพาอุตสาหกรรมชาจีนก้าวเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการสร้างแบรนด์ แต่ยังสรุปรวบรวมมรดกวัฒนธรรมชาจีนโบราณ สำรวจศึกษาวิถีชาญี่ปุ่น ศิลปะชาไต้หวัน รูปแบบชายุโรปอเมริกาอย่างกว้างขวาง จนริเริ่มออกมาเป็นวิถีชาแบบต้าอี้ซึ่งผนวกคุณค่าวัฒนธรรมตะวันออกเข้ากับจิตวิญญาณร่วมสมัย สร้างระบบกฎเกณฑ์กับมาตรฐานด้านการเรียนการสอน การสอบ และการประเมินระดับฝีมือ ส่งเสริมวิถีชาจีนด้วยการทำให้มันกลายเป็นวิชาชีพ ผลักดันการรับรองคุณสมบัติของ Tea Master กำหนดระเบียบของ Tea Master แต่ละระดับขั้น และมอบพื้นที่ให้คนรักชาได้ศึกษาวิจัยวิถีชาไปตลอดชีวิต
ขอบเขตงานของสถาบันฯ คือการเป็นองค์กรฝึกอบรมและประเมิน Tea Master เป็นฐานการวิจัยทางวิชาการและสร้างสรรค์หลักสูตรวิถีชาร่วมสมัย เป็นหน่วยงานที่ริเริ่มและจัดงานเพื่อเผยแพร่วิถีชา รวมทั้งเป็นเวทีแสดงศิลปะชาระดับชั้นนำของจีน
หลักสูตรของสถาบันฯ แบ่งออกเป็นสี่สาขา ได้แก่ วิถีชาวิชาชีพ วิถีชากับการใช้ชีวิต วิถีชาสำหรับมหาวิทยาลัย วิถีชาระดับสากล โดยวิถีชาวิชาชีพเป็นหลักสูตรสำหรับ Tea Master กับผู้ประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมชา วิถีชากับการใช้ชีวิตเป็นหลักสูตรสำหรับชนชั้นกลางในเมือง วิถีชาสำหรับมหาวิทยาลัยเป็นหลักสูตรสำหรับนักศึกษากับอาจารย์ในมหาวิทยาลัย วิถีชาระดับสากลเป็นหลักสูตรสำหรับนักเรียนและเพื่อนๆ ชาวต่างชาติ นอกจากนี้สถาบันฯ ยังเปิดหลักสูตรสอนศิลปะแขนงอื่นๆ อาทิ กู่เจิง กู่ฉิน โคลงกลอน พู่กันจีน ภาพวาด และหลักสูตรขั้นสูงสำหรับ Tea Master ระดับสูงโดยเฉพาะ สถาบันฯ ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญในประเทศจากแวดวงใบชา การศึกษา และวัฒนธรรม ประกอบขึ้นเป็นคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งรับผิดชอบตรวจสอบสื่อการสอนต่างๆ ของสถาบันฯ ประเมินระดับขั้นของ Tea Master และเป็นผู้บรรยายในหลักสูตรหลักๆ โดยปัจจุบันเรียบเรียงตำราเรียนที่ใช้เฉพาะในสถาบันฯ ออกมาแล้วทั้งสิ้นยี่สิบกว่าเล่ม และตีพิมพ์ตำราเฉพาะทางแล้วอีกหลายเล่ม
สถาบันฯ ได้จัดการอบรมด้านวิถีชาและกิจกรรมเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมชาอย่างต่อเนื่องซึ่งล้วนประสบผลสำเร็จอย่างเด่นชัด ปัจจุบันเปิดคลาสวิถีชาวิชาชีพและคลาสธุรกิจชาประเภทต่างๆ ไปมากกว่า 100 รุ่น อบรมนักเรียนแล้ว 12,000 กว่าคน เปิดคลาสวิถีชาสำหรับมหาวิทยาลัยต่อเนื่องสามปี อบรมอาจารย์มหาวิทยาลัยกว่า 300 คนจาก 100 กว่าสถาบันทั่วประเทศ ช่วยสถาบันระดับอุดมศึกษาราว 32 แห่งเปิดสอนวิถีชาเป็นวิชาเลือกเสรี และจัดบรรยายเกี่ยวกับวิถีชาในสถาบันอุดมศึกษาหลายสิบแห่งทั่วประเทศซึ่งล้วนแต่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
สำหรับด้านการวิจัยและเผยแพร่วิถีชานั้น ทางสถาบันฯ ได้เชิญผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาเอก หลังปริญญาเอก ตลอดจนศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยปักกิ่งมาเป็น “นักวิชาการของต้าอี้” ทำงานวิจัยเชิงลึกด้านสุนทรียศาสตร์ชา ปรัชญาชา จิตวิทยาชา วางรากฐานให้กับศาสตร์แห่งวิถีชาในยุคปัจจุบัน และได้ทยอยเรียบเรียงตีพิมพ์ตำราเรียนด้านวิถีชาแล้วหลายภาษา อาทิ ฉบับภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย เป็นต้น ปี 2010 สถาบันฯ จัด “งานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมชาระหว่างจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีสามประเทศ” ขึ้นเป็นครั้งแรก ปี 2013 เปิดคลาสอบรมวิถีชาจีนที่เกาหลี และเปิดคอสวิถีชาหลักสูตรภาษาอังกฤษล้วนขึ้นในจีน ปี 2014 เปิดคลาสอบรมวิถีชาที่ไต้หวันสำเร็จเป็นครั้งแรก และจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมชาระหว่างจีน-ไต้หวันขึ้นที่เมืองกว่างโจว ขณะเดียวกัน คณะแสดงศิลปะชาของต้าอี้ยังออกแสดงไปทั่วประเทศ โดยการแสดงชุด “The Eight Part Tea Ceremony” ของต้าอี้ ได้กลายเป็นชุดการแสดงคลาสสิกที่ได้รับการชื่นชมอย่างกว้างขวาง การดำเนินงานเพื่อเผยแพร่วิถีชาดังกล่าวข้างต้นได้กระตุ้นความสนใจของคนทั้งในและนอกประเทศในวงกว้าง
ภายใต้การฟื้นฟูของวัฒนธรรมชาจีน วิถีชาแบบต้าอี้จึงได้เจริญเติบโตจนสามารถก่อตั้งหน่วยงานสาขาของสถาบันฯ ขึ้นตามลำดับ อันได้แก่ ศูนย์วัฒนธรรมชาต้าอี้กรุงปักกิ่ง ศูนย์ศิลปะชาต้าอี้เมืองกว่างโจว และสถาบัน ACCTM สาขาเกาหลี สถาบันฯ ไม่เพียงสืบทอดแก่นแท้แห่งวัฒนธรรมชาจีนซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับหลายพันปี และเป็นผู้ริเริ่มการรับรองคุณวุฒิให้แก่ Tea Master ขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ยังจะมุ่งมั่นทำหน้าที่อบรมผู้มีความสามารถเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมชาอย่างแน่วแน่ต่อไป